ติดต่อ

ETO (Ethylene Oxide) ภัยเงียบที่แฝงตัว
ในความปลอดภัย

November 13, 2024

ETO หรือ Ethylene Oxide คือ สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการฆ่าเชื้อและรมควัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และการแพทย์ เนื่องจาก ETO มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดี จึงถูกใช้เพื่อลดหรือกำจัดจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ธัญพืช สมุนไพร เครื่องเทศ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือผ่าตัด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย
ต่อผู้บริโภค

ความสำคัญของ ETO ในอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์:

  • ควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์: ETO มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย รา และไวรัส ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดการเน่าเสียหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค
  • การรักษาคุณภาพและอายุการเก็บรักษา: ด้วยการกำจัดเชื้อที่อาจทำให้เกิดการเน่าเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรมควันด้วย ETO สามารถเก็บได้นานขึ้นโดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย
  • ความปลอดภัยของผู้บริโภค: ETO ถูกควบคุมโดยกฎหมายเพื่อให้ระดับสารตกค้างอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เช่น ข้อกำหนดของสหภาพยุโรปและองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา
  • เปิดโอกาสในการส่งออก: การทดสอบและควบคุมระดับสารตกค้างของ ETO ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าสู่ตลาดที่มีการควบคุมที่เข้มงวด และเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในต่างประเทศ

ทำไมต้องทดสอบสารตกค้างของ ETO

การทดสอบสารตกค้างของ ETO (Ethylene Oxide) มีความสำคัญเนื่องจากเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และความสามารถในการเข้าสู่ตลาดที่มีการควบคุมเข้มงวด โดยสามารถสรุปได้ดังนี้:

  • ความปลอดภัยของผู้บริโภค: ETO เป็นสารเคมีที่หากมีตกค้างในปริมาณที่เกินกว่ามาตรฐาน สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น การระคายเคือง ระบบทางเดินหายใจ และมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหากได้รับในปริมาณสูงและต่อเนื่อง การทดสอบจึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีปริมาณสารตกค้างอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากล: หลายประเทศและเขตการค้า เช่น สหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐอเมริกา (FDA) กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับระดับสารตกค้างของ ETO ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดเหล่านี้ ดังนั้นการทดสอบสารตกค้างเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธสินค้าและเสียโอกาสทางการตลาด
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค: การทดสอบสารตกค้างของ ETO ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมานั้นปลอดภัย มีคุณภาพ และผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความไว้วางใจในแบรนด์

ป้องกันปัญหาทางกฎหมายและการเรียกคืนสินค้า: หากพบว่าสินค้ามีสารตกค้างเกินระดับมาตรฐาน อาจนำไปสู่การเรียกคืนสินค้า การเสียค่าปรับ หรือการดำเนินการทางกฎหมาย การทดสอบและควบคุมสารตกค้างอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้และปกป้องธุรกิจในระยะยาว

เอสจีเอส ประเทศไทย ให้บริการทดสอบสารตกค้างของ ETO ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การทดสอบของเราสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับของสหภาพยุโรป (EC No. 396/2005) และมาตรฐานของ FDA สหรัฐอเมริกาสำหรับระดับสารตกค้างสูงสุด (MRLs) เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย ด้วยผลการทดสอบที่แม่นยำและเชื่อถือได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยปกป้องแบรนด์ของคุณแล้ว ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์และสินค้าของคุณเข้าถึงตลาดในภูมิภาคที่มีการควบคุม 

เอสจีเอสของเป็นพันธมิตรทางการค้าและส่วนหนึ่งในการดูแลธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค และเข้าถึงตลาดทั่วโลกอย่าง
ถูกต้องและปลอดภัย

เอสจีเอส ประเทศไทย ให้บริการทดสอบสารตกค้างของ ETO

เกี่ยวกับ SGS

เราคือเอสจีเอส ผู้นำด้านการทดสอบ การตรวจสอบ และการรับรองระบบของโลก เรา เราได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานด้านความยั่งยืน คุณภาพและความซื่อสัตย์ พนักงาน 99,600 คนของเรา ดำเนินงานในเครือข่ายสำนักงานและห้องปฏิบัติการกว่า 2,600 แห่งทั่วโลก

บทความที่เกี่ยวข้อง

mineral water
ข่าวสารองค์กรในประเทศMarch 11, 2025

น้ำแร่กับข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
ของน้ำดื่ม

คุณทราบหรือไม่ว่า น้ำแร่ถูกพบว่ามีการปนเปื้อนของสารเคมีที่เรียกว่า TFA (Trifluoroacetic Acid) ในน้ำแร่หลายยี่ห้อในยุโรป โดยพบว่า 7 จาก 19 ยี่ห้อมีปริมาณ TFA เกินขีดจำกัดที่สหภาพยุโรปกำหนดสำหรับสารกำจัดศัตรูพืชในน้ำดื่ม
แครอท การผลิต อุตสาหกรรม อาหาร
ข่าวสารองค์กรในประเทศMarch 07, 2025

เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ขอแสดงความยินดีกับ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในโอกาสได้รับการรับรองมาตรฐานสากล FSSC 22000, GHPs, HACCP และ ISO 45001

SGS Thailand ขอแสดงความยินดีกับ KCG Corporation ในการได้รับการรับรอง FSSC 22000, GHPs, HACCP และ ISO 45001 การรับรองเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ KCG ในด้านความปลอดภัยของอาหาร สุขภาพ และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ และพร้อมสนับสนุน KCG ในเส้นทางสู่มาตรฐานระดับโลกต่อไป
 สายการผลิตเนื้อสัตว์โรงงานอาหาร
ข่าวธุรกิจFebruary 18, 2025

บทบาทของผู้บริหารในการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหาร: แนวทางจาก CODEX และ GFSI

ฝ่ายบริหารมีบทบาทสำคัญในการสร้างและรักษาวัฒนธรรมเชิงบวกด้านความปลอดภัยของอาหาร ดังที่ทั้ง CODEX Alimentarius และ Global Food Safety Initiative (GFSI) เน้นย้ำ ตามหลักการทั่วไปด้านสุขอนามัยอาหารของ CODEX Alimentarius (CXC 1-1969 R.2022) ความมุ่งมั่นของฝ่ายบริหารและบุคลากรทั้งหมดในการผลิตและการจัดการอาหารปลอดภัยเป็นพื้นฐานของความสำเร็จของระบบสุขอนามัยอาหาร ในทำนองเดียวกัน GFSI กำหนดวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหารว่าเป็นค่านิยม ความเชื่อ และบรรทัดฐานที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารภายในองค์กร GFSI สรุปมิติสำคัญ 5 ประการเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหารที่ยั่งยืน ได้แก่ วิสัยทัศน์และพันธกิจ บุคลากร ความสม่ำเสมอ ความสามารถในการปรับตัว และการตระหนักถึงอันตรายและความเสี่ยง
ข้าวโพดในทุ่ง
ข่าวธุรกิจFebruary 14, 2025

การตรวจรับรอง FSMA FSVP และ FSMA QIC: ความแตกต่างจาก BRCGS Additional Module FSMA

กฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหารให้ทันสมัย (FSMA) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้านอาหารของสหรัฐอเมริกา โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าและซัพพลายเออร์จากต่างประเทศต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ FDA FSVP (โปรแกรมการตรวจสอบซัพพลายเออร์ต่างประเทศ) ช่วยให้มั่นใจว่าอาหารที่นำเข้าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยผ่านการตรวจสอบ การทดสอบ และการตรวจสอบ SGS ซึ่งได้รับการรับรองโดย ANAB ให้การรับรองที่ถูกต้องเป็นเวลา 1 ปี ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ขยายเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา

ข่าวสารและข้อมูลเชิงลึก

  • บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด - สำนักงานใหญ่

238 TRR Tower, 19th-21st Floor, Naradhiwas Rajanagarindra Road,

Chong Nonsi, Yannawa, 10120,

กรุงเทพ, ประเทศไทย