ETO หรือ Ethylene Oxide คือ สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการฆ่าเชื้อและรมควัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และการแพทย์ เนื่องจาก ETO มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดี จึงถูกใช้เพื่อลดหรือกำจัดจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ธัญพืช สมุนไพร เครื่องเทศ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือผ่าตัด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย
ต่อผู้บริโภค
ความสำคัญของ ETO ในอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์:
- ควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์: ETO มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย รา และไวรัส ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดการเน่าเสียหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค
- การรักษาคุณภาพและอายุการเก็บรักษา: ด้วยการกำจัดเชื้อที่อาจทำให้เกิดการเน่าเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรมควันด้วย ETO สามารถเก็บได้นานขึ้นโดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย
- ความปลอดภัยของผู้บริโภค: ETO ถูกควบคุมโดยกฎหมายเพื่อให้ระดับสารตกค้างอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เช่น ข้อกำหนดของสหภาพยุโรปและองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา
- เปิดโอกาสในการส่งออก: การทดสอบและควบคุมระดับสารตกค้างของ ETO ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าสู่ตลาดที่มีการควบคุมที่เข้มงวด และเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในต่างประเทศ
ทำไมต้องทดสอบสารตกค้างของ ETO
การทดสอบสารตกค้างของ ETO (Ethylene Oxide) มีความสำคัญเนื่องจากเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และความสามารถในการเข้าสู่ตลาดที่มีการควบคุมเข้มงวด โดยสามารถสรุปได้ดังนี้:
- ความปลอดภัยของผู้บริโภค: ETO เป็นสารเคมีที่หากมีตกค้างในปริมาณที่เกินกว่ามาตรฐาน สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น การระคายเคือง ระบบทางเดินหายใจ และมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหากได้รับในปริมาณสูงและต่อเนื่อง การทดสอบจึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีปริมาณสารตกค้างอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากล: หลายประเทศและเขตการค้า เช่น สหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐอเมริกา (FDA) กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับระดับสารตกค้างของ ETO ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดเหล่านี้ ดังนั้นการทดสอบสารตกค้างเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธสินค้าและเสียโอกาสทางการตลาด
- สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค: การทดสอบสารตกค้างของ ETO ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมานั้นปลอดภัย มีคุณภาพ และผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความไว้วางใจในแบรนด์
ป้องกันปัญหาทางกฎหมายและการเรียกคืนสินค้า: หากพบว่าสินค้ามีสารตกค้างเกินระดับมาตรฐาน อาจนำไปสู่การเรียกคืนสินค้า การเสียค่าปรับ หรือการดำเนินการทางกฎหมาย การทดสอบและควบคุมสารตกค้างอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้และปกป้องธุรกิจในระยะยาว
เอสจีเอส ประเทศไทย ให้บริการทดสอบสารตกค้างของ ETO ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การทดสอบของเราสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับของสหภาพยุโรป (EC No. 396/2005) และมาตรฐานของ FDA สหรัฐอเมริกาสำหรับระดับสารตกค้างสูงสุด (MRLs) เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย ด้วยผลการทดสอบที่แม่นยำและเชื่อถือได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยปกป้องแบรนด์ของคุณแล้ว ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์และสินค้าของคุณเข้าถึงตลาดในภูมิภาคที่มีการควบคุม
เอสจีเอสของเป็นพันธมิตรทางการค้าและส่วนหนึ่งในการดูแลธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค และเข้าถึงตลาดทั่วโลกอย่าง
ถูกต้องและปลอดภัย

เกี่ยวกับ SGS
เราคือเอสจีเอส ผู้นำด้านการทดสอบ การตรวจสอบ และการรับรองระบบของโลก เรา เราได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานด้านความยั่งยืน คุณภาพและความซื่อสัตย์ พนักงาน 99,600 คนของเรา ดำเนินงานในเครือข่ายสำนักงานและห้องปฏิบัติการกว่า 2,600 แห่งทั่วโลก
238 TRR Tower, 19th-21st Floor, Naradhiwas Rajanagarindra Road,
Chong Nonsi, Yannawa, 10120,
กรุงเทพ, ประเทศไทย